ก่อนอื่น Tim Cook ได้เผยว่า Apps Store ได้มีการขยาย Apps ไปมากจนเรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดของการทำ Store เพื่อให้บริการทาง Apps และสร้างรายได้มากกว่า 500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และเน้นให้ผู้ใช้งานเป็นศูนย์การสำหรับการพัฒนา
iOS 12
ตลอดที่มีการอัปเดตที่ผ่านมานั้นมีการสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ใช้งานที่ผ่านมา และสำหรับ iOS12 ก็จะเป็นระบบปฏิบัติการที่อัปเดตได้ฟรีเหมือนเคย มีการปรับเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย และ iOS11 ผู้ใช้งานกว่า 81% อัปเดตไปแล้ว
สำหรับ iOS 12 จะมีการปรับปรุงให้สามารถทำงานได้เร็วมากขึ้น และสามารถอัปเดตได้ตั้งแต่อุปกรณ์ตั้งแต่ปี 2013 ถือว่ามากที่สุดเลยก็ว่าได้ (iPhone 5S ยังได้ไปต่อ) เช่น iPhone 6 Plus จะสามารถตอบสนองได้เร็วขึ้น 40%, เรียก Keyboard เร็วขึ้นเท่าตัวและเปิด กล้องได้เร็ว เท่ากับเน้นความเร็วในการใช้งานมากขึ้นนั่นไม่ได้หมายความว่ารุ่นใหม่จะได้ความเร็วว่าเดิม
นอกจากนี้ยังเพิ่มเรื่อง AR ทำให้ใช้งานได้หลากหลายมาก และตอบสนอง Animation ได้หลากหลายมากขึ้น รวมไปถึง Adobe ที่จะมี Creative Cloud ที่สร้าง AR Content ได้ง่ายๆ ผ่าน iOS
AR ยังเพิ่มเรื่องของการวัดขนาดวัตถุได้ เราสามารถดูได้ว่าขนาดของเท่าไหร่ สามารถดูภาพได้เท่าไหร่ก็ได้เช่นเดียวกัน ทั้งหมดรวมกันเป็น AR Kit 2
และยังมีเรื่องอื่นๆตั้งแต่
- Photos มีการเพิ่มเรื่องของการค้นหาข้อมูลได้มากขึ้น
- Siri เพิ่ม Shortcut ที่สามารถพูดว่า I Lost My Key สามารถเรียก Apps หรือสิ่งที่เราต้องการได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถทำงานแยกอิสระได้
- News มีการอัปเดตให้ Top Stories สามารถพบเนื้อหาได้ง่าย
- Stock หรือ โปรแกรมดูหุ้นบน iPad และ แถมยังมีโปรแกรมอัดเสียงครั้งแรกบน iPad
- Book จะมี Store เพิ่มในเรื่องของหนังสือที่อ่านออกเสียง เพิ่มในเรื่องของการดูผ่าน Apple Car Play
- Do Not Disturb มีระบบเปิดปิดอัตโนมัติแล้ว เมื่อเราตื่นและต้องการ พร้อมกับ ตั้งให้ Apps ปลุกเราได้เช่นกัน
- เพิ่มการเรียนงานเกี่ยวกับการใช้งาน Apps และบอกระยะเวลาของการใช้งานทั้งหลาย และรวมถคงรูปแบบของการใช้ Apps และมีการแจ้งเตือนว่า Apps ไหนได้ แถมยังมีการแจ้งเตือนว่า ถ้าใช้งาน Apps นั้นไปแล้วก็จะมีการแจ้งเตือน ทั้งหมดที่มีเพื่อไม่ให้คุณใช้งาน Apps มากเกินไป เท่ากับจะสามารถแจ้งเตือนว่า ลูก หรือ คุณเองใช้ Apps มือถือมากเกินไปหรือเปล่า
- Message เพิ่มฟีเจอร์การแล๊บลิ้นให้ Animoji และมีการเพิ่ม รูปแบบ Animoji ทั้ง 4 แบบ ได้แก่ T-Rex, เสือ, หมีโคล่า, ผี
- Memoji คือการสร้างเราเป็น Animoji ได้ โดยการสร้างผ่านการแต่งหน้า, แต่งผม ปรับโทนสี และอื่นๆ ให้เหมือนกับเรามากที่สุด รวมถึงดวงตา และรูปแบบของตาเราได้ ปรับได้มากถึงขนาดหูสี การใส่แว่นและอื่นๆ อีกมากมาย
- Effect มีหลากหลายรูปแบบที่ใส่เข้าไป และสามารถใส่ Animoji เข้าไปในภาพของคุณได้ ในโหมดกล้อง และสามารถส่งให้เพื่อนคอคุณได้ทันทีใน Message
- Facetime จะเพิ่ม Group Facetime สร้างกลุ่มให้สามารถพูดแบบเห็นหน้าได้ โดยสามารถลากลงภาพลงแบบเต็มที่ได้เช่นกัน ภาพสามารถขยายภาพได้เต็มหลายแบบและคุยกันได้พร้อมกัน 8 คนเลยทีเดียว ถ้าคนไหนพูดภาพก็จะขยายออกมา และใช้ Animoji ในฟีเจอร์นี้ได้ และรองรับทั้ง iPhone, Mac, iPad ได้
- Fitness โปรแกรมสุขภาพบน Apple Watch มีการเพิ่มการแสดงผลแบบเปรียบเทียบมากขึ้น ว่าคุณทำได้มากน้อยแค่ไหน และเทียบเป็นแบบสัปดาห์ แถมมีการมอบรางวัลให้ด้วย แถมมีการออกกำลังกายได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงของคนพิการด้วย แต่ที่น่าสนใจคือโยคะ
- แถมมีการบอกการออกกำลังกายแบทันที เมื่อเครื่องจับได้ว่าจะมีการเคลื่อนที่หรือการออกกำลังกายทันทีและหยุดเมื่อเหมาะสม
- การเชื่อมต่อ เพิ่มฟีเจอร์ Walkie Talkie แค่แตะเพื่อส่งข้อความเสียงออกไป แต่ใช้ WiFi เพื่อคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น
- Siri Watch Face แสดงผลหน้า Siri และรวมไปถึง Siri Shortcuts ด้วยเช่นกัน, News Apps ด้วยเช่นกัน
- Podscast เพิ่มแล้วใน WatchOS และสามารถทำงานได้คล้ายกับ iOS เพิ่มความสะดวกแม้ว่าคุณจะไม่อยากถือ iPhone
- ในส่วนของ Apps มีการเพิ่มเรื่องของการแสดงผลได้มากขึ้นและแสดงผลอัลบั้มได้จาก Music
- แถมมีหน้าปัดนาฬิกาให้เลือกตามสีของสาย
- รองรับ Dolby ATMOS เข้าไปภายในโปรแกรม ให้เสียง ที่ออกมานั้น ออกได้เหมือนกับรอบทิศ หรือ 1 Channel ด้วยเช่นกัน และรองรับกับหนังมากมาย
- Apple TV Apps มีการเพิ่มเรืองของ Content ทั้งข่าวและวิดีโอมากกว่า 100 ช่องเลยทีเดียว
- เพิ่มช่องใหม่เข้าไปเช่น Chane+, Salt, Charter Spectrum เข้าไปด้วย ชมได้ทั้ง AppleTV, iPhone, iPad
- Zero Sign-In เพิ่มความะสะดวกในการเข้าถึง Content เพียงแค่เข้าครั้งเดียวสามารถใช้ไปจนถึง Apple TV ที่บ้านได้ และสามารถชมทั้งทีวี, เพลง, ดูรูปภาพ และยังเข้าถึง Apps ได้ครั้งเดียว
- ฟีเจอร์แรกเพิ่ม Dark Mode ทำให้การทำงานนั้นเมื่อใช้เวลากลางคืนง่าขึ้น ปรับทั้งการแสดงผลและภาพต่าง ๆ ของเครื่องให้เป็นแบบกลางคืน ทำให้แสดงผลนั้น จุดที่สนใจเช่นการดูข้อมูลทำให้มันดูดีมากขึ้น แต่ถ้าใครไม่ชอบก็สามารถปรับเป็นแบบปกติได้ และยังดูน่าตื่นเต้นสำหรับนักพัฒนาเพราะทหมันดู Code ได้ง่ายขึ้น
- โหมดของหน้าจอสามารถปรับตามเวลาได้ โดยกลางวันจะแสดงผลปกติ และกลางคืนจะเป็น Dark Mode อัตโนมัติ
- การจัดเรื่อง Desktop Stack ทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่รกบน Desktop ผสานเข้าอย่างง่ายได้ และสามารถแสดงผลได้ง่าย หรือ เปิดเมลแล้วดูดแสดงผลเก็บ File ภาพได้ง่ายแค่ลากเข้าไปใน Stack ได้ และสามารถ Drop ไปยังเอกสารของคุณได้
- Finder สามารถ Preview รูปหรือดูเอกสารได้ และดูรายละเอียดได้ โดยไม่ต้องกดเข้าไปในโปรแกรม แถมแก้ไขภาพได้ง่ายเพียงแค่เลือกดูภาพ เช่นการปรับองศาของภาพ, สร้าง PDF เมื่อมีการวมภาพได้, ใส่ลายน้ำ PDF ได้
- Quick Look สามารถเปิดภาพได้รวดเร็วและแก้ไขหรือเพิ่ม Object เช่นลายเซนของเราได้รวดเร็ว
- Screenshots แบบใหม่ ที่ทันสมัยขึ้นกว่าเดิม โดยเราสามารถเลือกพื้นที่ Screen Shots และสามารถปรับขยายเฉพาะส่วนได้ หรือจะ Screen Shot ให้บันทึกเป็นวิดีโอได้
- Continuity / Continuity Camera ท่าสามารถเพิ่ม Object จากมือถือ เข้าไปในภาพของการ Present หรือ Document ได้ง่าย โดยการสามารถเลือกให้สแกนเอกสารได้ง่าย และทำงานผ่านมือถือแบบไร้รอยต่อ
- Apps เพิ่มการนำเสนอข่าว หรือ News บน macOS ครั้งแรก
Voice Memo เพิ่มใน macOS และยัง โหลดจาก iCloud ได้- Home สามารถใช้ HomeKit ใน macOS เวอร์ชั่นใหม่นี้ได้
- Privacy เพิ่มความปลอดภัยด้วยการป้องกันไม่ให้เข้าถึงผ่านการสแกนลายนิ้วมืออย่างเดียวแต่สามารถป้องกันการเข้าถึงได้ถึงกล้อง, ไมโครโฟนและครบเครื่อง รวมไปถึงดักไม่ให้เว็บแสดงกล่องข้อความหรือ บอกว่ามีการติดตามข้อมูลของคุณหรือไม่ เรียกได้ว่าป้องกันสุดชีวิตเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว
- Mac Apps Store ปรับปรุง UI ใหม่ให้ดูน่าใช้กว่าเดิม และปรับปรุงให้คล้ายกับ iOS มากขึ้น และมี Top Chart ให้ดูด้วย มีการเพิ่ม Apps เข้าไปมากมายรวมถึง Microsoft Office 365 หรือเป็นเกมใหม่ๆ มากมาย
- Technologies ภายใน macOS Mojave มีทั้ง External GPUs สามารถการ์ดจอภายนอกได้ ทำให้การแสดงผลภาพ หรือการเล่นเกมทำได้ดีขึ้น
- อีกเทคโนโลยี จะมีการเพิ่มทำให้การทำงานของเครื่องได้รวดเร็วมากขึ้น และ เรียกได้ว่ายกเทคโนโลยีนี้มาจาก iOS มาสวมลงใน คอมพิวเตอร์และยังคำถามว่าจะรวมระหว่าง macOS กับ iOS หรือไม่ คำตอบคือไม่ เพราะการทำงานและรูปแบบการใช้งานแตกต่างกัน ยังไง macOS อาจจะต้องใช้ Mouse หรือ Touch Pad อยู่ต่อไป แต่อาจจะมีบางอย่างที่เหมือนกันอยู่บ้างแหล่ะครับ
- ศูนย์รวมสมาร์ทโฟนครบวงจร
ซ่อมเครื่องทั้งในและนอกประกัน
ซ่อมด่วน รอรับได้เลย
โทร 065-182-8888 - คลิ๊กเลย https://line.me/R/ti/p/%40macguru
- https://www.facebook.com/Macguruthai/
www.macguruthai.com
#ซ่อมไอโฟนชุมพร #ซ่อมแมคบุ๊คชุมพร
#macguru #แมคกูรู #แมคกูรูชุมพร #ซ่อมมือถือระนอง
#ซ่อมมือถือชุมพร #iphoneมือ2 #ipadมือ2 #iphoneมือ2ชุมพร#ขายiphoneมือ2 #โทรศัพท์มือ2 #ซ่อมไอโฟนชุมพร #ซ่อมimacชุมพร #ซ่อมmacbookชุมพร #ซ่อมipadชุมพร #ลอกกระจกไอโฟนชุมพร #แมคกูรู #ซ่อมไอโฟนระนอง
WatchOS 5
ในระบบปฏิบัติการสำหรับ Apple Watch ที่มีการนิยมสูง โดยการเปลี่ยนแปลงของ WatchOS 5 นั้นตั้งแต่
tvOS
สำหรับ tvOS มีการเปิดตัว tvOS 4K ไปปีที่แล้วและได้รับความนิยมพอสมควร พร้อมกับ Content ที่เพิ่มขึ้นและคุณภาพสูงกับเสียงที่ดีขึ้น และครั้งนี้มีฟีเจอร์ใหม่ไม่ว่าจะเป็น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น